
-
อุปกรณ์ภายในกล่องที่ให้มา

- ตัวคีย์บอร์ด
- คีย์แคปฟรี 7 อัน(ตัวอย่าง)
- คู่มือ,Quik Guid
- สาย USB A to C
- ตัวดึงเปลี่ยนสวิตซ์ปและคีย์แคป
-
ดีไซน์โดยรวม

ตัวคีย์บอร์ดได้เป็นวัสดุเกรดดีดูเเข็งเเรงสี Thunder Black
พร้อมคีย์แคปได้เป็นวัสดุ ABS บริเวณด้านบนขวาของคีย์บอร์ดมีปุ่ม Knop
มาให้แบบ Duo mode นอกจากจะใช้ปรับตัวเสียงได้เเล้วยังสามารถใช้ปรับเเต่งไฟ
RGB ที่คีย์บอร์ดได้อีกด้วย

ส่วนด้านล่างของคีย์บอร์ดมาพร้อมกับยางรองทั้งหมด 4 จุด
(ไม่รวมตัวขาเพิ่มความสูง)

-
ภายในคีย์บอร์ด

บนชั้นนอกสุดของแผ่นซัพเสียงด้านในจะพบกับตัวโฟม โดยทาง AULA
เคลมว่ามีวัสดุซัพเสียงทั้งหมด 5 ชั้น
ซึ่งทำให้ได้เสียงกดที่ดีเเละดูเเน่นนึบเวลากด
-
การเชื่อมต่อ

ด้านการเชื่อมมีให้เลือกใช้ 3 แบบ คือ USB,Bluetooth และ Wireless 2.4Ghz
ใครที่ไม่ได้ใช้โหมดไร้สายบ่อยๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่า Receiver
จะหายเลยเพราะมีที่เก็บแบบแม่เหล็กมาให้ในตัว
-
สวิตซ์ที่ได้

สวิตซ์ได้เป็น LEOBOG Graywood v.3 แบบ 3 Pin Linear ลูปมาจากโรงงาน
-
เสียงกดคีย์บอร์ด
-
โหมดไฟ RGB และซอฟต์แวร์

โหมดไฟ RGB สามารถปรับได้ถึง 16 โหมดโดยสามารถกด Fn+\ หรือกดที่ปุ่ม Knop
เพื่อเปลี่ยนโหมดไฟนอกเหนือจากนี้ยังสามารถปรับเเต่งในซอฟต์แวร์ของ AULA
เองได้อีกด้วย ซึ่งจะมีให้ปรับทั้ง Efect ปกติและ Music
rhythm(ซิงค์เสียงเข้ากับตัวไฟที่คีย์บอร์ด)
-
สรุปคีย์บอร์ดตัวนี้เหมาะกับใครบ้าง?

สำหรับใครที่เน้นเสียง Thocky เอามาทำงานเล่นเกมระดับ E-sport
เน้นการตอบสนองในการกดเร็วๆ รุ่นนี้ถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว
จากการทดสอบโดยรวมถือว่าทำได้ค่อนข้างสมราคา
ได้เสียงการกดที่ดีเเละให้ความเเน่นเวลากด วัสดุโดยรวมดูเเข็งเเรง
ตัวคีย์บอร์ดมีหลากหลายฟังค์ชั่นให้ปรับ ส่วนข้อสังเกตหลักๆ
ของตัวคีย์บอร์ดตัวนี้ก็คงหนีไม่พ้นน้ำหนัก
อาจด้วยเรื่องของวัสดุซัพเสียงเเละเน้นการประกอบที่ดูเเน่นเลยทำให้ค่อนข้างมีหนักอยู่พอสมควรกับ
AULA F75 รุ่นนี้